วันที่ 12 สิงหาคม 2568 มีรายงานว่าเกิดเหตุ โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่บริเวณชั้น 2 ของโรงงานพบเตาหลอมพบเหล็กจากเตาหลอมไหลออกจากเตาใส่ร่างคนงาน เป็นชาวเมียนมา เสียชีวิต คือ MR.WAI PHYO AUNG สัญชาติเมีอนมา อยู่กับเหล็กหลอมจนร่างไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อทำการชันสูตร และในที่เกิดเหตุยังพบหญิงชาวเมียนมา ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย ถูกเหล็กหลอมกระเด็นใส่จนทำให้แขนทั้ง 2 ข้างไหม้ ทางหน่วยกู้ชีพ อบต.หนองโพรงให้ทำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ.เกษมราษฎร์ 304 นั้น
ต่อมา นางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อน นายอำเภอศรีมหาโพธิ ร่วมกับอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่ และอบต.หนองโพรง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโรงงานหลอมเหล็ก
จากการตรวจในโรงงาน พบว่ามีน้ำเหล็กจากเตาหลอมกระจายเต็มพื้นที่เกิดเหตุ ส่วนที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่บริเวณชั้นสองของโรงงาน ที่มีกระบวนหลอมเหล็กเพื่อขึ้นรูปเหล็ก โดยใช้เครน (Overhead crane) ยกเคลื่อนย้ายถังน้ำเหล็กหลอมละลายที่มีความร้อนประมาณ 1,600 องศาเซลเซียส เพื่อนำน้ำเหล็กหลอมไปเทใส่แบบขึ้นรูป ปรากฏว่าไม่สามารถบังคับให้เครนหยุด ทำให้ถังบรรจุน้ำเหล็กกระแทกโครงสร้าง เป็นเหตุให้ลูกจ้างชาวเมียนมา ถูกน้ำเหล็กหลอมราดใส่ทั้งตัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1ราย ขณะนี้รักษาที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี
จากนั้น ทางคณะตรวจสอบได้เข้าห้องประชุมเพื่อดูกล้องวงจรปิดภายในโรงงาน จากภาพวงจรปิด พบว่า กระบวนหลอมเหล็กเพื่อขึ้นรูปเหล็ก โดยใช้เครน (Overhead crane) ยกเคลื่อนย้ายถังน้ำเหล็กหลอมละลายที่มีความร้อนประมาณ 1,600 องศาเซลเซียส กำลังเคลื่อนย้ายเหล็กหลอมเพื่อขึ้นรูป ทางตัวเครนไม่ยอมหยุด ทำให้หมอหลอมไปกระแทกกับเหล็กกั้น จนทำให้น้ำเหล็กในหม้อหลอมกระจายออกจากหม้อใส่คนงานพม่าจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ในการนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ได้มีคำสั่งให้โรงงานหยุดประกอบกิจการในส่วนที่เกิดเหตุ โดยเสนอแผนปรับปรุงแก้ไขโรงงาน และมาตรการป้องกันความปลอดภัยให้ทราบ ภายใน 30 วัน กรมสวัสดิการและคุ้มครอง แจ้งให้บริษัทเข้าพบ เพื่อสวบสวนหาสาเหตุ และดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องอบต.หนองโพรง แจ้งให้บริษัท นำส่งผลการตรวจเครน และจะเข้าตรวจสอบในส่วนของอาคาร, พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ ได้เข้าตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุ และดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
